ปี 2026 กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ในโลกการลงทุนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง หากคุณกำลังสงสัยว่าจะลงทุนอะไรดี? บทความนี้จะชวนคุณทบทวนภาพรวมและวางแผน เพื่อให้พอร์ตของคุณพร้อมรับมือกับความผันผวนและคว้าโอกาสในปีหน้าได้อย่างมั่นใจในทุกสภาวะตลาด
อ่านบทความนี้แล้วคุณจะรู้ว่าปี 2026 มีทางเลือการลงทุนอะไรที่น่าสนใจบ้าง และควรวางแผนอย่างไรให้พอร์ตพร้อมรับมือกับทุกสภาวะตลาด
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2025
สหรัฐฯ
ปี 2025 เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญทั้งแรงหนุนและแรงกดดัน โดยนโยบายภาษีศุลกากร Liberation Day ในเดือนเมษายน สร้างความตื่นตระหนกแก่ตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนอย่างหนัก ก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังรัฐบาลชะลอหรือถอนบางมาตรการ ดัชนีหุ้นกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ภายในกลางปี โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI กลายเป็นตัวนำตลาดที่สำคัญ ขณะเดียวกัน ในช่วงปลายปี สหรัฐฯ เผชิญกับสถานการณ์ปิดทำการของรัฐบาลกลาง (Government Shutdown) เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับทั้งตลาดและผู้ลงทุน
ยุโรป
ปี 2025 เศรษฐกิจยุโรปยังเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แม้ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แต่การบริโภคภาคครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังต่ำ ส่งผลให้การออมสูงกว่าปกติ การใช้จ่ายภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตระยะสั้น แต่ระดับหนี้สาธารณะที่สูงยังคงเป็นข้อจำกัดด้านการคลัง เงินเฟ้อยังคงใกล้เป้าของธนาคารกลางยุโรป และอัตราดอกเบี้ยเริ่มใกล้สิ้นสุดรอบการปรับลด ขณะที่ความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังคงกดดันการเติบโตของภูมิภาค
จีน
ในปี 2025 เศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตต่อเนื่อง ภายใต้แรงสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่ง แม้เผชิญความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัญหาภายในประเทศยังคงชัดเจน โดยเฉพาะความไม่สมดุลระหว่างอุปทานที่แข็งแกร่งกับอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงอยู่ ขณะที่การลงทุนภายในประเทศชะลอตัว ทำให้ผู้กำหนดนโยบายเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นการคลังบางส่วนเพื่อสนับสนุนอุปสงค์ในประเทศ
ไทย
ปี 2025 เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนภายในประเทศ นักท่องเที่ยวจีนยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย ทำให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแรงจากภาระหนี้ครัวเรือนสูงทำให้การบริโภคลดลง การควบคุมราคาสินค้าและบริการ เช่น ค่าไฟฟ้า ช่วยให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับตามเป้าของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายโครงสร้างระยะยาว เช่น ประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนทักษะดิจิทัล และข้อจำกัดด้านการคลัง อาจส่งผลต่อศักยภาพการเติบโตของประเทศในอนาคต
Checklist ที่นักลงทุนควรทำก่อนเข้าสู่ปี 2026
ช่วงปลายปีเป็นเวลาที่นักลงทุนต้องหยุดทบทวนและเตรียมวางแผนเพื่อให้พอร์ตการลงทุนพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในปี 2026 ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย
Allocate Cash: วางแผนจัดสรรเงินสดอย่างมีกลยุทธ์
หลายคนเก็บเงินสดไว้เยอะเกินไปเพราะกลัวความผันผวน แต่ในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาลง การปล่อยเงินไว้เฉย ๆ นั้นมีต้นทุนของโอกาส (Opportunity Cost) ของการต่อยอดเงินที่หายไป การแบ่งเงินสดตามความจำเป็นและวัตถุประสงค์ที่ต้องใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
- ระยะสั้น: เงินสำรองใช้ในชีวิตประจำวันหรือภาวะฉุกเฉินควรมีประมาณ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย เก็บในรูปแบบที่มีสภาพคล่องสูงสุด สามารถเบิกถอนได้ทันที เพื่อความอุ่นใจ
- ระยะกลาง: เงินที่อาจต้องใช้ภายใน 1-2 ปี ควรอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากทั่วไป เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี หรือกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อรักษามูลค่าเงินไม่ให้ถูกเงินเฟ้อกัดกร่อน
- ระยะยาว: เงินที่สามารถลงทุนต่อเนื่องได้ 3 ปีขึ้นไป เพื่อต่อยอดผลตอบแทนในสินทรัพย์ตามระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ เช่น หุ้น หรือกองทุนรวมผสม ให้เงินของคุณได้ทำงานและเติบโตอย่างเต็มที่จากพลังของผลตอบแทนทบต้น
Review Portfolio: ทบทวนและประเมินคุณภาพพอร์ต
อย่าดูแค่ว่าพอร์ตกำไรหรือขาดทุน แต่ให้ประเมินไปถึงโครงสร้างและคุณภาพของพอร์ตด้วย ว่าสามารถตอบโจทย์กับเป้าหมายของเราหรือไม่
- ผลตอบแทนเทียบกับเป้าหมาย (Target Return): ประเมินว่าผลตอบแทนที่ได้รับในปีที่ผ่านมาสอดคล้องกับเป้าหมายการเงินที่วางไว้แต่แรกหรือไม่ หากไม่สอดคล้อง อาจต้องพิจารณาปรับระดับความเสี่ยงหรือกลยุทธ์การลงทุน
- สัดส่วนสินทรัพย์ (Asset Allocation): ตรวจสอบว่าสัดส่วนของ หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม หรือสินทรัพย์ทางเลือก ยังคงอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้หรือไม่ เพราะความผันผวนของตลาดอาจทำให้สัดส่วนเดิมคลาดเคลื่อนไป
- ระดับความผันผวน (Drawdown): ประเมินระดับความผันผวนสูงสุดของพอร์ตการลงทุนที่เคยเกิดขึ้น (Drawdown) ว่ายังอยู่ในระดับที่คุณสามารถยอมรับได้หรือไม่ เพราะหากเกินกว่าจุดที่รับได้แล้ว การปรับพอร์ตให้กลับมาอาจจะใช้เวลานานกว่าเดิม
Rebalance Portfolio: ปรับสมดุลก่อนพอร์ตพัง
การปรับสมดุลคือการเติมเต็มส่วนที่ขาดและลดส่วนที่เกิน เพื่อให้พอร์ตกลับมามีสัดส่วนตามที่วางแผนไว้ในตอนแรก เป็นวินัยที่สำคัญที่สุดในการลงทุน เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงให้คงที่
- ขายทำกำไรในส่วนที่เกิน: หากสินทรัพย์บางประเภทปรับตัวขึ้นสูงมากจนสัดส่วนเกินกำหนด ให้ขายทำกำไรบางส่วนเพื่อล็อกผลตอบแทน และลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง
- ซื้อเพิ่มในส่วนที่ขาด: นำเงินที่ได้จากการขายทำกำไร หรือเงินสดที่เตรียมไว้ ไปซื้อเพิ่มในสินทรัพย์ที่ราคาปรับฐานลงมาแต่ยังมีพื้นฐานดี เพื่อให้พอร์ตกลับมาสมดุลพร้อมทั้งสามารถไปต่อยอดเพื่อสร้างโอกาสเติบโตได้ด้วย
- ตั้งกฎที่ชัดเจน: กำหนดเกณฑ์ในการปรับสมดุลที่ชัดเจน เช่น ปรับทุก 6 เดือน หรือเมื่อสัดส่วนของสินทรัพย์หลักคลาดเคลื่อนเกิน 5% เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปตามระบบ ไม่ใช่อารมณ์
Monitor & Strategic Planning: ติดตามและวางกลยุทธ์ล่วงหน้า
ปี 2026 เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย การเตรียมตัวล่วงหน้าและติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนและคว้าโอกาสการ ลงทุนได้อย่างมั่นใจ
รายงานของ IMF ชี้ว่า แม้เศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีแรกยังคงทรงตัวได้ดี แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงเปราะบาง โดยมีความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาในปี 2026 ได้แก่ การขยายตัวของเทคโนโลยี AI ที่อาจเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ปัญหาเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจจีน แรงกดดันทางการคลังของหลายประเทศที่เริ่มสะสม ทิศทางหรือนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และความน่าเชื่อถือของสถาบันสำคัญทั่วโลกที่เริ่มถูกตั้งคำถาม
ในภาวะที่ความไม่แน่นอนยังสูงเช่นนี้ นักลงทุนควรวางกลยุทธ์ล่วงหน้า และมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะตลาดที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง, Structured Note, กองทุนรวม ซึ่งเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา
ทางเลือกการลงทุนน่าสนใจปี 2026
ที่พักเงินล้านดอกเบี้ยสูง แม้ในช่วงดอกเบี้ยขาลง
ในช่วงที่ธนาคารกลางเริ่มส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การหาที่พักเงินที่มีความมั่นคงและยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสภาพคล่องและเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักเงินล้านที่ให้ดอกเบี้ยสูง แม้ช่วงดอกเบี้ยขาลงทีทีบี ttb ขอแนะนำ บัญชี ทีทีบี โนฟิกซ์ บัญชีเงินฝากไม่ประจำ รับดอกเบี้ยรวมโบนัสสูงสุด 1.90% ต่อปี สำหรับยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 5 ล้านบาท – 30 ล้านบาท ยิ่งฝากมาก ดอกเบี้ยยิ่งเพิ่ม คำนวณดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดตามยอดฝาก ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด ถอนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่พลาดทุกโอกาสให้เงินเติบโต ทำรายการสะดวกผ่านแอป ttb touch ง่าย ๆ ได้ทุกวัน อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยตามประกาศธนาคาร ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงธนาคารจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบผ่านที่ทำการธนาคารและเว็บไซต์ของธนาคาร เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ลงทุนกองทุนรวมคุณภาพ มีผู้เชี่ยวชาญดูแลพอร์ตให้
ในยุคที่ตลาดการเงินทั่วโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และนโยบายการเงินที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การจัดพอร์ตเองอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป เพราะการเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึก ประสบการณ์ และเครื่องมือวิเคราะห์ระดับมืออาชีพ
สำหรับใครที่กำลังมองหาการลงทุนที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแลพอร์ตให้ ทีทีบี ขอแนะนำ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Ultimate Global Allocation Series ความเสี่ยงของกองทุนระดับ 5 ทางเลือกการลงทุนระดับ World Class ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับความผันผวนได้อย่างมั่นใจ กองทุนรวม ES-Ultimate GA ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องการกระจายความเสี่ยง โดยเปิดโอกาสให้คุณได้ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ภายใต้การดูแลและปรับพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Amundi และ บลจ. อีสท์สปริง มีให้คุณเลือกลงทุนได้ถึง 3 กองทุน กับ 3 รูปแบบตามความเสี่ยงและเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวคุณ
เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป และกระจายความเสี่ยงของพอร์ต
ในภาวะที่ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวน และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ หลายคนจึงเริ่มมองหาทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น โดยยังคงมีกรอบการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน
หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจคือ “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” (Structured Notes) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ผสานกลไกของตราสารอนุพันธ์เข้าด้วยกัน เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนตามการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น ดัชนีหุ้น อัตราดอกเบี้ย, อัตราแลกเปลี่ยน, ทองคำ, หุ้น ดัชนีหุ้น โดยผู้ลงทุนต้องถือจนครบกำหนด หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง มีให้เลือกทั้งหลายรูปแบบ เช่น
- Principal Protected Note (PPN) หรือ หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงประเภทคุ้มครองเงินต้น คือตราสารหนี้ที่ให้การคุ้มครองเงินต้นแก่นักลงทุนตามสัดส่วนที่กำหนด ณ วันครบกำหนดสัญญา ซึ่งปัจจุบันเสนอขายและคุ้มครองเงินต้นโดยทีทีบี
- Knock-In Knock-Out (KIKO) เป็นประเภทหนึ่งของหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่ไม่ได้คุ้มครองเงินต้น 100% แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป โดยผลตอบแทนและเงินต้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของราคาหลักทรัพย์อ้างอิงที่เรียกว่า Knock-In (KI) และ Knock-Out (KO)
- Equity Linked Note (ELN) หรือ หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิงกับตราสารทุน คือตราสารหนี้ระยะสั้นที่ผลตอบแทนจะผูกพันอยู่กับราคาของหุ้นสามัญหรือดัชนีหุ้น เช่น หุ้นสามัญที่อยู่ใน SET50
นอกจากนี้ นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนเป็นสกุลเงิน USD เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้การลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาส แต่ก็ต้องพิจารณาความผันผวนของค่าเงินและระยะเวลาการลงทุนควบคู่กันไปด้วย
ขยายพอร์ตคว้าโอกาสลงทุนให้ครอบคลุมทั่วโลก
ในโลกการลงทุนปัจจุบัน การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากโอกาสเติบโตและผลตอบแทนที่น่าสนใจกระจายอยู่ทั่วโลก นักลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศ ตลาดเกิดใหม่ หรือสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและโอกาส
เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงโอกาสเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น หลักทรัพย์ธนชาตจึงออกแบบแพลตฟอร์มการลงทุนที่ครบวงจร ให้คุณเปิดบัญชีเพียงครั้งเดียว แต่สามารถลงทุนได้ครบทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, กองทุนรวม, สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX), หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Notes) และ แผนการลงทุน ZEAL
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรือเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ แพลตฟอร์มของหลักทรัพย์ธนชาตจะช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย สะดวก และมีเครื่องมือครบครันสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมั่นใจ สนใจเปิดบัญชีหลักทรัพย์หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หลักทรัพย์ธนชาต ทุกสาขา หรือที่ปรึกษาทางด้านการเงินและการลงทุนของท่าน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เงินบาทแข็งค่า คืออะไร?
สถานการณ์ที่ค่าเงินบาทมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่า เงินบาท 1 บาท สามารถแลกเป็นเงินต่างประเทศได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB จาก 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ ลดลงเป็น 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ แปลว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
เงินบาทแข็งค่า ใครได้ใครเสีย?
ผู้ที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าคือธุรกิจที่ต้องนำเข้าสินค้า เนื่องจากต้นทุนลดลง รวมถึงธุรกิจที่มีหนี้สินเป็นสกุลเงินต่างประเทศซึ่งภาระหนี้ลดลงตามค่าเงิน และผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวหรือศึกษาต่อต่างประเทศก็จะใช้จ่ายถูกลง ในทางกลับกัน ผู้เสียประโยชน์คือธุรกิจส่งออกที่เมื่อแปลงรายได้ต่างประเทศกลับมาเป็นเงินบาทแล้วมีมูลค่าลดลง และธุรกิจท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายในประเทศไทยแพงขึ้น
ดอกเบี้ยขาลง ควรลงทุนอะไรดี?
ควรเน้นสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูงเพื่อชดเชยดอกเบี้ยที่ลดลง เช่น ตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโต, กองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด เช่น กองทุน ES-Ultimate GA และอาจพิจารณาตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อล็อกผลตอบแทน
ปี 2026 ลงทุนกองทุนรวมไหนดี?
กองทุนรวมที่น่าสนใจและเน้นการกระจายการลงทุนทั่วโลก หรือกองทุนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาดเช่น กองทุน ES-Ultimate GA Series ความเสี่ยงของกองทุนระดับ 5
Structured Notes เหมาะกับใคร?
ผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบัน (HNW&II) เสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง (ประเมินความเสี่ยงจาก suitability test ระดับ 3 ขึ้นไป) ต้องการความคุ้มครองเงินต้น แต่ยังต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า มีความเข้าใจผลิตภัณฑ์และหลักทรัพย์อ้างอิงรวม ทั้งเป็นทางเลือกเสริมพอร์ตการลงทุน หรือมองหาการลงทุนเป็นสกุลเงินต่างประเทศ หรือต้องเตรียมวางแผนค่าใช้จ่ายในอนาคตเป็นสกุลเงินต่างประเทศ
การเปิดบัญชีลงทุนกับบหลักทรัพย์ธนชาตเพื่อลงทุน ต้องทำอย่างไร และต้องใช้อะไรบ้าง
เปิดบัญชีออนไลน์ได้ผ่านแอป think+ หรือ website โดยลูกค้าสามารถสมัครบริการ ATS ด้วยบัญชี ทีทีบี โนฟิกซ์ เพื่อใช้เป็นบัญชีพักเงินรอลงทุน พร้อมรับดอกเบี้ยสูงตามยอดเงินฝาก ถอนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่พลาดโอกาสลงุทุน ให้เงินของคุณทำงานได้อย่างเต็มที่
อ้างอิง
https://www.nationthailand.com/business/economy/40052104
https://www.jpmorgan.com/insights/global-research/current-events/government-shutdown
https://corporate.vanguard.com/content/corporatesite/us/en/corp/vemo/vemo-china.html
https://kpmg.com/uk/en/insights/economics/eu-economic-outlook.html
คำเตือน - การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะของสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต /กองทุนมีความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ - หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง มีความซับซ้อนและความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป / ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ และหลักทรัพย์อ้างอิงของหุ้นกู้ ก่อนตัดสินใจลงทุน / หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงเป็นตราสารที่มีสภาพคล่องต่ำและมีตลาดรองที่มีขอบเขตจำกัด ทำให้ผู้ลงทุนอาจซื้อขายได้ไม่สะดวก/ การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน ซึ่งมีปัจจัยอ้างอิงมีความแตกต่างจากการลงทุนในปัจจัยอ้างอิงโดยตรง จึงอาจทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนดังกล่าวมีความผันผวนแตกต่างจากราคาของปัจจัยอ้างอิงได้ / การลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงสกุลเงินตราต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน / ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องจาก Fact Sheet สัญญาที่กำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงและผู้ถือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Final Terms) และหนังสือชี้ชวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนตัดสินใจลงทุน /ผู้ลงทุนมีความจำเป็นในการขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนการลงทุน